รับเหมาทาสีบ้าน
รับเหมาทาสีบ้าน (HOUSE PAINT) ราคาทาสีบ้าน
การทาสีด้วยตนเองเป็นสิ่งที่มีความเหนื่อยล้า และใช้พลังงานในการทาทั่วทั้งหลัง ยิ่งเป็นบ้านที่มีเนื้อที่เยอะ การทาสีบ้านทั้งภายใน และภายนอกอาจใช้เวลามากกว่า 30 วัน และอาจสูญเสียเงิน หรือค่าใช้จ่ายของสีที่เสียไป เนื่องจากการหกเลอะเทอะ และเสียค่าใช้จ่ายในการทำความสะอาดมากเกินไป การใช้ผู้รับเหมาในการทาสีบ้านเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยมีความสะดวกมากขึ้น โดยมีหลักการต่าง ๆดังนี้
การเลือกสีทาบ้าน (choose color of paint)
การเลือกสีทาบ้านให้เหมาะกับพื้นที่ใช้งานเป็นขั้นแรกในการทาสีบ้าน ควรปรึกษาผู้รับเหมาทาสีบ้านในเบื้องต้น เพื่อเลือกชนิดของสีทาบ้านที่จะใช้ ส่วนเรื่องของสีสามารถเลือกเองได้ตามใจชอบ ควรทำการวางแผนปริมาณสีทาบ้านทั้งหมดก่อนทำการสั่งซื้อ
การเตรียมพื้นที่สำหรับสีทาบ้าน (preparation before paint)
ก่อนที่ผู้รับเหมาจะทำการทาสีบ้าน ควรทำการเตรียมพื้นที่ในการจัดย้ายเฟอร์นิเจอร์ หรือของใช้ต่าง ๆถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องทำการปิดคลุมด้วยพลาสติก และรัดให้แน่นหนา พื้นที่ทำงานสำหรับการทาสีควรมีพื้นที่ระยะอย่างน้อย 60 เซนติเมตร และสามารถเดินได้รอบ ปลั๊กไฟ และอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดควรทำการปิดด้วยเทปกันไฟ กรณีที่สายไฟไม่ได้เดินบนรางไฟให้แน่ใจว่าจะทาสีทับ หรือเว้นไว้
การเตรียมนั่งร้านสำหรับทาสีภายนอก (scaffolding)
ควรทำการเคลียร์พื้นที่ภายนอกที่จะทำการทาสี เช่น รถยนต์ กระถางต้นไม้ อุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อป้องกันสีเลอะบริเวณที่ไม่ได้เตรียมไว้ รถยนต์ควรจอดห่างจากบ้านที่ทำการทาสีอย่างน้อย 2-3 หลัง
ห้องเก็บสี และอุปกรณ์ (paint equipment & tools storage)
ก่อนที่ผู้รับเหมาจำเข้าดำเนินงานควรเตรียมห้องเก็บอุปกรณ์ หรือสีที่จำเป็นต้องอยู่ในร่ม และไม่มีความร้อน การเลือกใช้ห้องเก็บของเป็นทางเลือกที่ดี
หลังจบงานทาสี (after finished)
หลังจากผู้รับเหมาทำการทาสีเสร็จสิ้นแล้ว ควรทำการตรวจสอบพื้นที่ทั้งหมด เพื่อให้ตรงตามสีที่ระบุไว้ ตรวจสอบความสวยงาม ตรวจสอบความสะอาด และตรวจสอบเทปกาวกั้นขอบว่าได้ทำการกำจัดเรียบร้อยแล้ว
ช่างทาสีบ้าน


ไอเดียในการทาสีบ้าน
ไอเดียในการเลือกสีทาบ้านภายใน
ทางที่ง่ายที่สุดในการเลือกสีทาบ้านที่ต้องการ คือเลือกสีที่ชอบ เมื่อได้สีหลักที่ชอบแล้วค่อยแตกรายละเอียดโทนสีต่าง ๆ ออกมา สามารถเลือกใช้โทนสีทาบ้านที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสีที่ชอบ หลักในการหา หรือเลือกสีทาบ้านที่ชอบมีดังนี้
หาแรงบันดาลใจ
หนังสือพิมพ์ หรือนิตยสารเกี่ยวกับการตกแต่ง สามารถเป็นต้นแบบในการตกแต่งหาแรงบันดาลใจในการเลือกสีทาบ้านภายใน สามารถเลือกใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อเลือกสีที่ต้องการจากโปรแกรม Pinterest Instagram
ใช้หลักการทฤษฎีไล่โทนสี
ใช้หลักการไล่โทนสีจากแม่สีหลักที่ต้องการ เลือกโทนสีที่อ่อน หรือเข้มขึ้นตามแต่ชาร์ตสีที่มี ซึ่งสามารถไล่โทนจากอ่อนไปหาเข้มได้ ควรติดต่อร้านขายสีข้างบ้านได้ เพื่อติดต่อรายละเอียด และสีที่ต้องการได้
การเลือกสีทาภายในให้เข้ากับเฟอร์นิเจอร์
เราสามารถเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องการที่จะทำการทาสีภายใน แล้วจึงนำมาเลือกสีที่ต้องการทาผนัง และฝ้า โดยเลือกให้ใกล้เคียงกัน หรือตัดกันกับสีเฟอร์นิเจอร์ ควรสังเกตโทนสีผ้าม่านเป็นตัวประกอบ
ใช้ธรรมชาติในการเลือกโทนสี
ต้มไม้ และสิ่งปลูกสร้างรอบบ้าน เป็นตัวช่วยพิจารณาในการเลือกโทนสีทั้งสีภายนอก และสีภายใน เช่น ต้นไม้ที่มีสีเขียว เราอาจสามารถเลือกโทนสีเป็นสีกลาง เช่น สีขาว หรือสีเทาได้
การเลือกสีทาบ้านจากการท่องเที่ยว
เราสามารถถ่ายภาพสิ่งปลูกสร้างสถาปัตยกรรมจากที่ต่าง ๆ ที่ได้ไปสัมผัส หรือไปท่องเที่ยว นำมาประกอบใช้ในการเลือกสีทาบ้าน ซึ่งจะมีคุณสมบัติ และสีที่ใกล้เคียงกับสีที่เลือกไว้
เลือกสีบ้านกับบ้านข้างเคียง
ในบางครั้งบ้านข้างเคียง หรืออยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน เป็นตัวเลือกที่ดีในการเลือกใช้โทนสีที่ใช้ใกล้เคียงกัน เพื่อให้ได้ความสมดุลระหว่างบ้านใกล้เคียงกับบ้านของเรา การเลือกสีโทนบ้านแบบนี้ก็เป็นที่นิยม
อุปกรณ์ในการทาสีบ้าน




เครื่องมือและอุปกรณืในการทาสีบ้าน
1.แปลงทาสี มีขนาดต่างๆ เช่น 2,4,6,8 นิ้วโดยใช้ในการทาสีที่มีพื้นที่ขนาดเล็กใช้ทาตามมุมและตามขอบ ใช้เก็บสีอันสุดท้าย ใช้ทาสีบริเวณที่เข้าถึงได้ยากหรือเข้าไม่ถึง ใช้ทาสีบ้านหรือทาสีเหล็กที่มีขนาดไม่ใหญ่มากเช่นรั้วเหล็กดัด หน้าต่างเหล็กดัด แปรงทาสีมีอายุใช้งานประมาณ 3-4 ครั้ง และจะแข็งตัวไม่มาสารถใช้งานได้อีกต่อไป
2.ลูกกลิ้งทาสี ใช้ทาสีที่มีบริเวณกว้างและใช้พื้นที่ทาสีค่อนข้างใหญ่มีหลากหลายชนิดควรเลือกที่มีคุณภาพดีไม่มีขุย ไม่ลอกร่อน ตรวจสอบสภาพของลูกกลิ้งต้องมีความนุ่มและไม่แข็งกระด่างจนเกินไป อายุการใช้งานจะใช้เพียงครั้งเดียวและทิ้ง สามารถต่อด้ามแปรงเพื่อใช้ในการทาสีในที่สูง
3.เครื่องตีสี เป็นเครื่องมือที่จำเป็นในการเจือจ่างหรือผสมสีใช้ไฟฟ้าในการผสม มีหัวผสมเป็นเหล็กสามารถใช้งานได้นานหลายปี ในปัจจุบันมีราคาไม่สูงมาก เจือจ่างได้ทั้งสีธรรมดาทั่วไปและสีที่มีความข้นหนืดพิเศษ เช่น สีอีพ็อกซี่ หลังใช้งานเสร็จสิ้นแล้วควรล้างเครื่องผสมสีและเช็ดให้แห้งก่อนการเก็บ
4.ถังเปล่า ใช้สำหรับแบ่งสีในการทาหรือใช้สำหรับเจือจ่างสีที่ผสม ควรใช้ถังที่มีคุณภาพดี ไม่แตกง่ายสามารถยกขึ้น-ลง ได้สะดวก
5.เกรียงและอุปกรณ์ทั่วไป ใช้สำหรับขูดหรือลอกสีที่ติดตามขอบถัง
6.เทปกาว ใช้ติดขอบหรือกั้นขอบสำหรับทาสีป้องกันไม่ให้สีหกหรือเลยระยะทาสี
7.ตัวทำละลายต่างๆ สีบางชนิดเช่นสีทาเหล็ก สีทาโครงสร้างเหล็ก สีทาโลหะ จะมีความเข้มข้นสูง บางครั้งต้องทำเป็นเจือจ่างก่อนทาสี ควรศึกษาชนิดของตัวทำละลายก่อนที่จะผสมสีจริง
8.แปรงลวดทองเหลือง ใช้สำหรับขูดลากสีเดิมและลอกฝุ่นที่ผิวหน้าก่อนทาสี
9.เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง ใช้ล้างพื้นผิวที่มีคราบสกปรกก่อนทาสีจริง
การคิดราคาทาสีบ้าน ทั้งภายในและภายนอก
การทำใบเสนอราคาสำหรับทาสีบ้านทั้งฝ่ายในและฝ่ายนอก จะมีความแตกต่างในการคิดคำนวณราคาของงานทาสี โดยงานที่มีขนาดใหญ่มากกว่า 1,000 ตารางเมตรจะนำเสนอราคาเป็นหน่วยต่อตารางเมตร ทั้งค่าของและค่าแรงซึ่งจะให้ราคารวมเป็นงานเหมาหรือบ้างครั้งจะวัดจริงตามหน้างานที่ทาสีไปแล้วโดยราคาต่อหน่วยนี้อาจจะยังไม่รวมค่าดำเนินการและค่าป้องกันหรือค่าลอกสีเก่าออก สำหรับการคิดคำนวณทาสีบ้านที่มีปริมาณพื้นที่น้อยกว่า 1,000 ตารางเมตรโดยประมาณส่วนมากจะคิดเป็นราคาเหมาเนื่องจากพื้นที่มีปริมาณน้อยแต่จำเป็นต้องได้แบบเพื่อทาสีในที่สูงเช่นเดียวกับงานทาสีที่มีปริมาณมาก การเปรียบเทียบราคาทั้ง 2 อาจจะไม่สามารถเทียบกับราคาต่อหน่วยได้ให้ทำการตรวจสอบคุณสมบัติด้านอื่นของผู้รับเหมาทาสี
การตรวจสอบหลังการเสร็จงานทาสีบ้าน
1.ตรวจสอบความเรียบร้อยของงานทาสีเช่น ตรวจสอบความเรียบเนียนทั้งบริเวณพื้นที่ใหญ่และขอบมุม
2.ตรวจสอบสีที่หกรอบๆ บริเวณที่ทาสีถ้ามีให้ลอกออกให้หมด
3.ตรวจสอบสีที่ใช้ให้ตรงตามสีที่เลือกมา
4.ตรวจสอบพื้นที่ๆ ทาทั้งหลังในกรณีที่คิดพื้นที่ทาสีเป็นต่อตารางเมตร
5.เช็คความหนาของสีที่ทาว่าได้ความหนาตามที่ผู้ผลิตได้กำหนดไว้
6.ตรวจสอบเอกสารต่างๆ เช่น ใบรับประกัน ใบส่งงาน หลังจากเสร็จสิ้นการทาสี
7.หลังจากทาสีไปแล้ว 1-2 ปี ควรตรวจสอบรอยร้าวหรือสีลอกร่อนจากการทาสีให้เรียบร้อยหรือเช็คข้อบกพร่องในการทาสี